ศาสตราจารย์ นายแพทย์ อาแบส อะลาวี เป็นแพทย์ชาวอเมริกันเชื้อสายอิหร่าน ได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งเวชศาสตร์นิวเคลียร์ เป็นผู้บุกเบิกการใช้เครื่องมือที่มีการปล่อยอนุภาคโพซิตรอนถ่ายภาพรังสีระดับโมเลกุลหรือ เพท (Positron Emitting Tomography-PET) โดยการฉีดน้ำตาลชนิดพิเศษที่มีกัมมันตรังสีในตัวเอง ที่เรียกว่า ฟลูโอโลดิออกซีกลูโคส (fluorodeoxyglucose) ซึ่งสามารถซึมเข้าสู่เนื้อเยื่อ ทำให้มีความไวในการตรวจวินิจฉัยโรค ระยะของโรค และการประเมินการตอบสนองของโรคหลังการรักษา โดยเฉพาะโรคมะเร็ง

          ศาสตราจารย์ นายแพทย์ อาแบส อะลาวี ได้รับปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยเตหะราน ประเทศอิหร่าน ใน พ.ศ.​ ๒๕๐๗ เรียนแพทย์เฉพาะทางสาขาอายุรศาสตร์ ที่ศูนย์การแพทย์อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์(Albert Einstein Medical Center) และ ที่โรงพยาบาลการบริหารทหารผ่านศึก เมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา และแพทย์เฉพาะทางสาขารังสีวิทยาที่ศูนย์การแพทย์เบธ อิสราเอล เมืองบอสตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ท่านยังสำเร็จการศึกษาอนุสาขาโลหิตวิทยา ใน พ.ศ. ๒๕๑๓ ​และอนุสาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์ ใน พ.ศ. ๒๕๑๖

          ศาสตราจารย์ นายแพทย์ อาแบส อะลาวี เริ่มเข้าเป็นอาจารย์ ภาควิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย เมืองฟิลาเดลเฟีย เมื่อ พ.ศ.​ ๒๕๑๖ และได้เลื่อนตำแหน่งทางวิชาการตามลำดับ จนได้เป็นศาสตราจารย์      สาขารังสีวิทยา และศาสตราจารย์สาขาประสาทวิทยา ตั้งแต่ พ.ศ.​ ๒๕๒๕ และเคยดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์สาขาจิตเวช ระหว่าง พ.ศ.​ ๒๕๓๐ – ๒๕๔๓ นอกจากการสอน วิจัย และทำงานคลินิก ท่านยังดำรงตำแหน่งบริหารด้วย ปัจจุบันท่านเป็นผู้อำนวยการฝ่ายการศึกษาวิจัย แผนกรังสีวิทยา และรองผู้อำนวยการศูนย์วิจัยผู้สูงอายุ ของมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย

          ใน พ.ศ. ๒๕๑๖ ศาสตราจารย์ นายแพทย์ อาแบส อะลาวี  ร่วมกับ นายแพทย์ เดวิด อี คูว์ (Dr. David E. Kuhl)   ผู้บุกเบิกเทคโนโลยีด้านการถ่ายภาพเอกซเรย์ด้วย คอมพิวเตอร์ และ นายแพทย์ มาร์ติน ไรวิช (Dr. Martin Reivich) แพทย์ด้านประสาทวิทยา คิดค้นแนวคิดของการให้ดิออกซีกลูโคสกับการปล่อยฟลูออรายด์โพซิตรอน (Positron-Emitting Fluoride -18 F) ซึ่งนับว่าเป็นการเริ่มต้นของการพัฒนาฟลูออโรดิออกซีกลูโคส (Fluorodeoxyglucose) หรือ FDG ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. ​๒๕๑๙ ท่านและทีมได้ใช้เครื่องมือปล่อยอนุภาคโพซิตรอน (Positron Emission Tomography)  หรือ PET ถ่ายภาพสมอง โดยใช้สารเภสัชรังสี Floride-18 FDG ในมนุษย์เป็นครั้งแรก ทำให้ FDG เป็นสารเภสัชรังสีที่ได้        การรับรองให้ใช้กับ PET และได้กลายมาเป็นสารหลักที่ใช้มากที่สุดเพื่อติดตามพยาธิสภาพหรือความผิดปกติ จนถึงปัจจุบัน นานกว่า ๔๐ ปีแล้ว ด้วยความพยายามในการศึกษาอย่างต่อเนื่องของท่านได้วางรากฐานสำคัญในการทำให้การใช้รังสีตรวจหาเซลล์หรือเนื้อเยื่อที่มีความผิดปกติทำได้เร็วขึ้น แม่นยำขึ้น เป็นผลให้สามารถให้การรักษาได้รวดเร็วขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับผู้ป่วยนับล้านคน โดยเฉพาะผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของระบบประสาท เช่น ภาวะสมองเสื่อม สมองบาดเจ็บ โรคจิตเภท และความผิดปกติอื่น ๆ

          นอกจากการพัฒนา FDG  ศาสตราจารย์ นายแพทย์ อาแบส อะลาวี ยังอยู่ในกลุ่มผู้บุกเบิกในการใช้                 ไอโอดีน-123 วินิจฉัยโรคมะเร็งของต่อมไทรอยด์ ใช้ Metaiodobenzylguanidine ประเมินเนื้องอกในต่อมหมวกไต การใช้รังสีเซลล์เม็ดเลือดขาวเพื่อประเมิน การติดเชื้อ และการใช้ไอโซโทปรังสี Technetium 99m (^99mTc) ตรวจหาเลือดออกในระบบทางเดินอาหาร นอกจากนี้ ท่านและภริยา คือ รองศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง เจน อะลาวี ผู้เชี่ยวชาญด้านโลหิตวิทยา และ มะเร็ง เป็นผู้บุกเบิกในการใช้ ¹⁸F-FDG PET เพื่อบ่งชี้การกลับมาเป็นใหม่ของเนื้องอกสมอง

          ตลอดชีวิตการทำงานของ ศาสตราจารย์ นายแพทย์ อาแบส อะลาวี ท่านได้ตีพิมพ์ผลงานในวารสารที่มีผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเนื้อหา กว่า ๑,๔๐๐ เรื่อง และเขียนหนังสือเกือบ ๑๐๐ เล่ม เพื่อให้รายละเอียดของผลการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับ   การถ่ายภาพเอกซเรย์คอมพิวเตอร์โดยการปล่อยโฟตอนเดี่ยว (Single Photon Emission Computed Tomography -SPECT)  การถ่ายภาพรังสีโดยปล่อยโพซิตรอน (Positron Emission Tomography -PET) การถ่ายภาพเอกซเรย์โดยใช้คอมพิวเตอร์ (Computed tomography -CT) และการถ่ายภาพโดยใช้สนามพลังงานแม่เหล็ก (Magnetic Resonance Imaging -MRI) ผลงานของท่านมีการอ้างอิง กว่า ๘๓,๐๐๐ ครั้ง ทำให้ H-index อยู่ในระดับ ๑๓๘    นอกจากนี้ ศาสตราจารย์ นายแพทย์ อาแบส อะลาวี ยังอยู่ในกองบรรณาธิการของวารสารชั้นนำ หลายฉบับ อาทิ Journal of Nuclear Medicine, European Journal of Nuclear Medicine and Molecular Imaging, Journal of Experimental & Clinical Cancer Research, Annals of Nuclear Medicine and Sciences, และ International Journal of General Medicine ท่านตรวจสอบเนื้อหาบทความที่ส่งมาตีพิมพ์ เป็นกรรมการ และสมาชิกองค์กรต่าง ๆ ทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ รวมทั้งเป็นวิทยากร  ในเวทีทั่วโลก นอกจากนี้ท่านเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาให้กับนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษากว่า ๑๓๐ คน ซึ่งต่างก็มีส่วนในการช่วยพัฒนางานของท่านให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น

          ในฐานะที่ทำงานคลินิก เป็นอาจารย์ผู้ให้คำแนะนำ และเป็นนักวิจัย ศาสตราจารย์ นายแพทย์ อาแบส อะลาวี ได้รับรางวัลมากมาย อาทิ ผู้มีผลงานยอดเยี่ยมในการให้บริการเพื่อควบคุมมะเร็ง ของสมาคมมะเร็งของประเทศสหรัฐอเมริกา (พ.ศ.​ ๒๕๔๓) George Charles de Hevesy Nuclear Pioneer Award (พ.ศ.​ ๒๕๔๗)  รางวัล Best Mentor จาก American College of Nuclear Physicians (พ.ศ. ๒๕๔๙) Benedict Cassen Prize for Research in Nuclear Medicine ของ Society of Nuclear Medicine and Molecular Imaging (พ.ศ. ๒๕๕๕) เหรียญทอง ชั้นหนึ่ง จากกระทรวงสาธารณสุขอิหร่าน (พ.ศ. ๒๕๕๙) เหรียญทอง จาก American College of  Nuclear Medicine (พ.ศ.​ ๒๕๖๐) และ รางวัลความสำเร็จตลอดชีวิต จาก สมาคมเวชศาสตร์นิวเคลียร์ ประเทศอินเดีย (พ.ศ. ​๒๕๖๕) นอกจากนี้ ใน พ.ศ. ๒๕๕๘ มหาวิทยาลัยทาบริซ (Tabriz) ประเทศอิหร่าน ได้ใช้ชื่อท่านตั้งสถาบันนานาชาติผู้สูงอายุ (Alavi International Institute of Aging)

          ศาสตราจารย์ นายแพทย์ อาแบส อะลาวี ยังคงทำงานวิจัยเกี่ยวกับเพทอย่างต่อเนื่อง ด้วยท่านหวังจะเห็นความก้าวหน้าของการใช้เวชศาสตร์นิวเคลียร์ ในการเพิ่มประสิทธิภาพของการตรวจวินิจฉัย นับว่าผลงานของ ศาสตราจารย์ นายแพทย์ อาแบส อะลาวี เป็นที่ประจักษ์ ได้รับการยอมรับ และมีการใช้อย่างกว้างขวางทั่วโลก คณะกรรมการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ในพระอุปถัมภ์ฯ จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ตัดสินให้ ศาสตราจารย์ นายแพทย์ อาแบส อะลาวี เป็นผู้สมควรได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๖